ส่องค่าสถิติดูที่น่าทึ่งในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 ทั้งในส่วนของผู้เล่น, ทีม และแมทช์การแข่งขัน
แม้ว่าสถิติ พรีเมียร์ลีก จำนวนมากจะถูกทำลายในซีซั่น 2023/24 แต่ก็ยังมีสถิติพิเศษอื่นๆ อีกหลายรายการที่เกิดขึ้นตลอดทั้งฤดูกาล เรามาดูสถิติที่โดดเด่นบางส่วนจากการแข่งขันในฤดูกาลนี้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ส่องสแตทน่าสนใจของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้
-ประตู
ในเกมนัดเปิดสนาม ซานโดร โตนาลี ทำประตูให้นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ออกนำ 1-0 หลังผ่านไป 6 นาที ตามด้วยมุสซ่า เดียบี้ ที่ยิงประตูให้แอสตัน วิลล่า ในนาทีที่ 11 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่มีผู้เล่น 2 คนสามารถทำประตูได้ในนัดประเดิมสนาม
วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส กลายเป็นทีมแรกที่ยิง 3 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกจากผลงานของผู้เล่นตัวสำรอง
ประตูเปิดแรกของฟิล โฟเด้น ในเกมกับน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เมื่อเดือนกันยายน มาจากการต่อบอล 46 ครั้ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 2 ในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ซีซั่น 2006/07 เป็นรองเพียงประตูของนาเซอร์ ชาดลี ที่ยิงให้ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในเกมพบกับควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ในเดือนสิงหาคม 2014 ซึ่งเกิดขึ้นจากการผ่านบอล 48 ครั้ง
-แมทช์
มีการยิงรวม 51 ครั้งในเกมที่เชลซีเสมอเบิร์นลีย์ 2-2 ในเดือนมีนาคม โดยสิงห์บลูส์ยิงไป 33 ครั้งและเบิร์นลีย์ยิง 18 ครั้ง ซึ่งมีเพียงนัดเดียวในพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 ที่มีการสร้างโอกาสยิงประตูมากกว่านัดนี้ นั่นก็คือเกมระหว่างคิวพีอาร์พบกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ซึ่งมีการยิงรวมกัน 52 ครั้ง
เกมระหว่างเบรนท์ฟอร์ด พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเดือนมีนาคม เป็นเพียงการเสมอกัน 1-1 ครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทั้ง 2 ประตูเกิดขึ้นในนาทีที่ 90 หรือหลังจากนั้น ต่อจากคู่อาร์เซนอล พบ ลิเวอร์พูล ในเดือนเมษายน 2011 และวัตฟอร์ด พบ เลสเตอร์ ซิตี้ ในเดือนมิถุนายน 2020
ลิเวอร์พูลครองบอล 82.90 เปอร์เซ็นต์ในเกมชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-1 เมื่อเดือนเมษายน ถือเป็นสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีมใดๆในการแข่งขันนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003/04 แพ้เพียงเศษเสี้ยวเดียวจากการครองบอลของแมนฯ ซิตี้ 82.95 เปอร์เซ็นต์ ในเกมกับสวอนซี ซิตี้ ในเดือนเมษายน 2018
ชัยชนะของวูล์ฟส์เหนือเชลซี 2-1 ถือเป็นเกมพรีเมียร์ลีกนัดแรกที่เล่นในวันคริสต์มาสอีฟนับตั้งแต่ปี 1995 ที่ลีดส์เอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1
ในเกมกับลูตัน ทาวน์ ในเดือนมีนาคม ส่งให้ บอร์นมัธ กลายเป็นทีมที่ 5 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ชนะหลังจากตามหลังคู่แข่ง 0-3 ต่อจากลีดส์ ยูไนเต็ด (พบดาร์บี้ในเดือนพฤศจิกายน 1997), วิมเบิลดัน (พบเวสต์แฮมในเดือนกันยายน 1998), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (กับสเปอร์สในเดือนกันยายน 2001) และวูล์ฟส์ (กับเลสเตอร์ ซิตี้ในเดือนตุลาคม 2003)
พรีเมียร์ลีก เปิดโหวตแมทช์แห่งฤดูกาล2023/24 (มีคลิป)
รวมสถิติใหม่ที่เกิดขึ้นใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2023/24
วิเคราะห์บอล แฟนตาซี พรีเมียร์ลีก ปิดฤดูกาล EP2
-ทีม
นี่เป็นฤดูกาลแรกบนลีกสูงสุดที่มีทีมมากถึง 4 ทีมที่แพ้ใน 3 นัดแรก ได้แก่ เบิร์นลีย์, ลูตัน, เอฟเวอร์ตัน และเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด โดยลูตันกลายเป็นเพียงทีมที่ 2 ที่แพ้ 4 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก ต่อจากสวินดอน ทาวน์ในปี 1993/94
ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมแรกที่ใบแดงถึง 4 ใบจาก 7 นัดแรกของฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก
ด้วยการเสมอกับเบิร์นลีย์ 1-1 ในเดือนธันวาคม ทำให้ ไบรท์ตัน กลายเป็นทีมพรีเมียร์ลีกทีมแรกที่ทั้งยิงและเสียประตูในลีกสูงสุด 20 นัดติดต่อกัน ก่อนที่สถิติจะจบลงในนัดถัดไปที่พ่ายให้กับอาร์เซน่อล 0-2
-ผู้จัดการ
แว็งซอง กองปานี กลายเป็นผู้จัดารทีมชาวเบลเยียมคนแรกในพรีเมียร์ลีก
รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือคริสตัล พาเลซ กลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่คุมทีมไม่แพ้ในการเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในพรีเมียร์ลีก 5 นัดรวด แบ่งเป็นคว้าชัย 3 นัด และเสมออีก 2 นัด
ในชัยชนะเหนือเชลซี 4-1 ของลิเวอร์พูลในเดือนมกราคม ทำให้เจอร์เก้น คล็อปป์กลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 7 ที่ชนะการแข่งขันพรีเมียร์ลีก 200 นัด โดยทำได้จากการคุมทีม 318 นัด ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมที่ทำได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ทำได้รองจากเป๊ป กวาร์ดิโอลา (269 นัด)
-ผู้เล่น
ในเกมกับวูล์ฟส์ในเดือนมกราคม เจมส์ มิลเนอร์ กองกลางของไบรท์ตันกลายเป็นผู้เล่นที่ลงเล่นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยทำได้ 633 นัด แซงหน้าไรอัน กิ๊กส์ เรียบร้อย ซึ่ง ณ ปัจจุบันเค้าลงเล่นไปแล้ว 634 นัด เหลืออีก 19 นัดจะตามทัน แกเร็ธ แบร์รี่ เจ้าของสถิติสูงสุด
แอสซิสต์ของเควิน เดอ บรอยน์ในเกมกับสเปอร์ส ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ดาวเตะชาวเบลเยี่ยมรายนี้แซงหน้าเชสก์ ฟาเบรกาสขึ้นเป็นอันดับ 2 ในการทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยทำได้ 112 แอสซิสต์ แต่ยังตามหลังสถิติสูงสุดของไรอัน กิ๊กส์ อยู่ 50 แอสซิสต์
ไทโว อโวนิยี่ กลายเป็นนักเตะแอฟริกันคนที่ 3 ที่ทำประตูในการลงสนามในพรีเมียร์ลีก 7 นัดติดต่อกัน ต่อจากเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์
แฮตทริกของซน ฮึง-มิน ในเกมกับเบิร์นลีย์เมื่อเดือนกันยายน ทำให้เค้ากลายเป็นนักเตะคนที่ 5 ที่ทำแฮททริค 4 ฤดูกาลติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก ต่อจากร็อบบี้ ฟาวเลอร์ (1993/94 ถึง 1996/97), อลัน เชียเรอร์ (1993/94 ถึง 1996/97) ), เธียร์รี อองรี (2002/03 ถึง 2005/06) และแฮร์รี เคน (2014/15 ถึง 2017/18)
ในวันเดียวกับที่ซนทำแฮตทริก อีแวน เฟอร์กูสันกลายเป็นแข้งวัย 18 ปีคนที่ 4 ที่ทำแฮตทริกในพรีเมียร์ลีก ต่อจากคริส บาร์ท-วิลเลียมส์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ และไมเคิล โอเว่น
ในเกมกับ เชฟฯยูไนเต็ด เมื่อเดือนพฤศจิกายน จัสติน ไคลเวิร์ตกองหน้าบอร์นมัธกลายเป็นเพียงผู้เล่นคนที่ 2 ที่ทำประตูในแต่ละลีกใหญ่ของยุโรปทั้ง 5 ลีก ได้แก่ พรีเมียร์ลีก, ลาลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, ลีกเอิง และบุนเดสลีกา ในศตวรรษที่ 21 ต่อจากสเตฟาน โยเวติช
ในการเสมอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-3 เมื่อเดือนธันวาคม ซน กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่ทำประตูและทำเข้าประตูตัวเองในช่วง 10 นาทีแรกของเกม ต่อจากแกเร็ธ แบร์รี ของแอสตัน วิลล่า ในเกมพบกับชาร์ลตัน แอธเลติก เมื่อเดือนพฤษภาคม 1999
ประตูตีเสมอของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ในเกมกับคริสตัล พาเลซ เมื่อเดือนธันวาคม ทำให้เค้ายิงไป 150 ประตูในพรีเมียร์ลีกจาก 247 นัด โดยมีผู้เล่นเพียง 4 คนที่บรรลุเป้าหมายด้วยจำนวนแข่งขันที่น้อยกว่า ได้แก่ เชียเรอร์ (212), เซร์คิโอ อเกวโร่ (217), แฮร์รี่เคน (218) และเธียร์รี่ อองรี (220)
ลูอิส ไมลีย์ในวัย 17 ปี 229 วัน ที่ลงสนามในเกมกับฟูแล่มเมื่อเดือนธันวาคม กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่เฟเดริโก มาเคด้า ยิงได้ตอนอายุ 17 ปี 226 วันในเกมกับแอสตัน วิลล่าในเดือนเมษายน 2009
ในการชนะเวสต์แฮมยูไนเต็ด 4-3 ในเดือนมีนาคม อเล็กซานเดอร์ อิซัค ของนิวคาสเซิ่ลกลายเป็นเพียงผู้เล่นคนที่ 2 ที่ทำประตูจุดโทษใส่ผู้รักษาประตูที่แตกต่างกันสองคนในการแข่งขันพรีเมียร์ลีกนัดเดียวกัน หลังจากที่สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ยิงใส่ แบรด ฟรีเดล และแบรด กูซาน ของแอสตัน วิลล่า ในเดือนมีนาคม 2552
โคล พาลเมอร์ ทำแฮตทริกใส่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในเดือนเมษายนทำให้เค้าเป็นนักเตะคนที่ 200 ที่ทำแฮตทริกในพรีเมียร์ลีกได้ และฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้าก็ทำได้เป็นคนที่ 201 ในเกมกับแอสตัน วิลล่า ในวันสุดท้ายของฤดูกาล
หนึ่งวันก่อนวันเกิดครบรอบ 22 ปี พาลเมอร์กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกที่มีส่วนร่วมกับประตูมากกว่า 30 ประตูในฤดูกาลเดียวในขณะที่อายุ 21 ปีหรือน้อยกว่า โดยทำได้ 21 ประตูและ 9 แอสซิสต์ ซึ่งมีฟาวเลอร์ทำได้ 2 ครั้งในซีซั่น 1994/95 และ 1995/96 และคริส ซัตตันทำได้ในซีซั่น 1993/94
Credit by FPLTHAI
Picture Credit by Fantasy Premier League